ถ้าถามว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดีในปี 2025 บอกเลยว่าปีนี้แต่ละแบรนด์ปล่อยของกันหนักมาก เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI Mapping, LiDAR, และระบบถูพื้นแบบน้ำร้อนเริ่มเป็นมาตรฐาน รุ่นระดับไฮเอนด์อย่าง iRobot Roomba Combo j7+
มาพร้อมระบบหลบสิ่งกีดขวางแบบอัจฉริยะ แถมมีแท่นกำจัดฝุ่นอัตโนมัติ ส่วนรุ่นที่คุ้มค่าอย่าง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi Robot Vacuum X10+ และ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น lg ก็ให้ฟังก์ชันครบในราคาจับต้องได้ แต่ถ้าบ้านไหนมีสัตว์เลี้ยงและต้องการตัวช่วยเก็บขนแมวขนหมา รุ่นอย่าง Roborock S8 Pro Ultra ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีระบบขัดถูพื้นอัตโนมัติพร้อมแรงดูดระดับสูง ปีนี้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นฉลาดขึ้นกว่าเดิมเยอะ คำถามคือ คุณต้องการแบบไหนให้เหมาะกับบ้านของคุณที่สุด
ทำไมปี 2025 ถึงเป็นปีทองของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ?
ปี 2025 ถือว่าเป็นปีทองของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เพราะเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลจนกลายเป็นของที่แทบทุกบ้านควรมี จากเดิมที่หุ่นยนต์ดูดฝุ่นแค่เดินสุ่มไปทั่ว เดี๋ยวนี้มี AI อัจฉริยะที่เรียนรู้แผนที่บ้านได้แม่นยำขึ้น หลบสิ่งกีดขวางเก่งขึ้น และบางรุ่นยังแยกแยะได้ว่าตรงไหนเป็นพรม ตรงไหนเป็นพื้นแข็งแล้วปรับแรงดูดอัตโนมัติ
แถมบางเครื่องยังมีระบบถูพื้นแบบน้ำร้อนที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย เรื่องของราคาเองก็มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นประหยัดไปจนถึงระดับพรีเมียม ทำให้ทุกคนสามารถหาตัวที่เหมาะกับบ้านตัวเองได้ง่ายขึ้น นี่เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมปีนี้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถึงกลายเป็นของที่คนแห่ซื้อกันมากขึ้น เพราะมันไม่ได้เป็นแค่ของเล่นไฮเทคอีกต่อไป แต่เป็นไอเทมที่ช่วยให้บ้านสะอาดขึ้นจริงแบบไม่ต้องเหนื่อยเอง
วิธีเลือกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่เหมาะกับคุณ
ถ้าคุณกำลังจะซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น แต่ไม่รู้จะเลือกยังไงให้เหมาะกับบ้านและการใช้งานจริง ลองมาดูปัจจัยสำคัญที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะแต่ละรุ่นมีฟีเจอร์ต่างกัน และบางอย่างอาจจำเป็นสำหรับบางบ้าน แต่ไม่จำเป็นสำหรับบางคน
ระบบนำทางและแผนที่
เทคโนโลยีระบบนำทางของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำความสะอาด รุ่นเก่ามักใช้ระบบสุ่มเส้นทาง วิ่งชนไปเรื่อยๆ แต่รุ่นใหม่มี LiDAR และ AI Camera ที่ช่วยให้มันจำแผนที่บ้านได้ แถมยังหลบสิ่งกีดขวางฉลาดขึ้น ถ้าบ้านมีเฟอร์นิเจอร์เยอะหรือพื้นที่ซับซ้อน แนะนำให้เลือกแบบที่มี LiDAR Mapping เพราะมันแม่นยำกว่า และยังวางแผนเส้นทางได้ดี
พลังดูดและประเภทพื้นบ้าน
แรงดูดเป็นอีกเรื่องที่ต้องดูดีๆ เพราะบ้านแต่ละแบบต้องการระดับพลังดูดไม่เท่ากัน ถ้าบ้านเป็นพื้นกระเบื้องหรือไม้ อาจไม่ต้องใช้แรงดูดสูงมาก แต่ถ้ามีพรมเยอะ ต้องเลือกรุ่นที่มี แรงดูด 4000Pa ขึ้นไป และควรมีระบบตรวจจับพรมเพื่อเพิ่มแรงดูดอัตโนมัติ เวลาทำความสะอาดจะได้สะอาดหมดจด ไม่ต้องมานั่งดูดซ้ำเอง
โหมดถูพื้น
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสมัยนี้ไม่ได้แค่ดูดฝุ่น แต่บางรุ่นยังมีฟังก์ชันถูพื้นด้วย ถ้าต้องการประหยัดเวลา แนะนำให้เลือก หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น แบบสั่น หรือ แบบน้ำร้อน เพราะมันจะช่วยขจัดคราบฝังแน่นได้ดีกว่าแบบที่แค่ลากผ้าชุบน้ำผ่านๆ แต่ถ้าบ้านมีพรมเยอะ อาจต้องเลือกรุ่นที่สามารถหลีกเลี่ยงพรมตอนถูพื้นได้
ระบบกรองฝุ่น
ถ้าในบ้านมีคนเป็นภูมิแพ้หรือมีสัตว์เลี้ยง ระบบกรองฝุ่นเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นบางรุ่นมี HEPA Filter ซึ่งช่วยดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมถึงสารก่อภูมิแพ้จากขนสัตว์และไรฝุ่น ควรเลือกรุ่นที่มีระบบกรองที่ถอดล้างได้ง่าย เพราะจะช่วยให้ใช้งานได้นานขึ้นและลดปัญหาฝุ่นฟุ้งในอากาศ
การเชื่อมต่อสมาร์ตโฮม
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสมัยนี้แทบทุกตัวรองรับการควบคุมผ่านแอป แต่นอกจากการสั่งงานผ่านมือถือแล้ว บางรุ่นยังรองรับ Google Assistant และ Alexa ทำให้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ ถ้าใครใช้สมาร์ตโฮมอยู่แล้ว เลือกรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อพวกนี้จะช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้น
แบตเตอรี่และระยะเวลาทำงาน
สุดท้ายอย่าลืมดูว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้นานแค่ไหน ถ้าบ้านมีขนาดเล็กถึงกลาง รุ่นที่วิ่งได้ 90-120 นาที ก็น่าจะพอ แต่ถ้าบ้านใหญ่ แนะนำให้เลือกรุ่นที่มี แบต 180 นาทีขึ้นไป หรือมีระบบ กลับแท่นชาร์จแล้ววิ่งไปทำงานต่ออัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะทำความสะอาดจนเสร็จโดยไม่ต้องคอยมาสั่งงานใหม่
10 รุ่นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยอดนิยมปี 2025
หลังจากที่เราเคยรีวิว หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี 2566 แต่มาปีนี้คุณกำลังมองหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวเทพที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป บอกเลยว่า 2025 เป็นปีที่มีตัวเลือกเด็ดๆ เพียบ ทั้งรุ่นพรีเมียมที่ใช้ AI อัจฉริยะอย่าง iRobot Roomba Combo j7+ ที่สามารถแยกแยะสิ่งกีดขวางได้เอง
หรือถ้าต้องการแรงดูดโหดๆ พร้อมฟังก์ชันถูพื้นน้ำร้อน Dreame X30 Ultra ก็ตอบโจทย์สุดๆ สำหรับคนที่มองหาของดีในราคาประหยัด Xiaomi Robot Vacuum X10+ และ Mister Robot HYBRID WIFI ถือเป็นตัวเลือกที่ให้ฟีเจอร์ครบแบบไม่ต้องจ่ายแพง
ส่วนบ้านไหนมีสัตว์เลี้ยงต้องเลือก ECOVACS DEEBOT OZMO T8 AIVI หรือ Roborock S8 Pro Ultra เพราะมีระบบจัดการขนสัตว์แบบเฉพาะทาง และถ้าอยากได้รุ่นที่แบตอึดใช้ได้นานแบบไม่ต้องชาร์จบ่อย Dreame L10s Pro Ultra Heat ก็คือคำตอบ
ถ้าอยู่คอนโดหรือห้องเล็ก ลองดู AUTOBOT MINI Lite White หรือ SAMSUNG VR05R5050WK/ST ที่ออกแบบมาให้ขนาดเล็ก คล่องตัว เข้าซอกเข้ามุมได้ดี ปีนี้แต่ละแบรนด์ใส่เทคโนโลยีมาเต็มที่ อยู่ที่ว่าคุณต้องการฟีเจอร์แบบไหนให้เหมาะกับบ้านของคุณที่สุด
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่นพรีเมียม เทคโนโลยีล้ำสมัย
สำหรับใครที่ต้องการหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ฉลาดสุดๆ ใช้งานง่าย และมีฟีเจอร์แบบครบเครื่อง นี่คือ 2 รุ่นที่ดีที่สุดในปีนี้
iRobot Roomba Combo j7+
จุดเด่น: ระบบ AI สุดล้ำที่สามารถแยกแยะสิ่งกีดขวาง เช่น สายชาร์จ ถุงเท้า หรืออึสัตว์เลี้ยงได้ ไม่ชนมั่วเหมือนรุ่นเก่าๆ
แรงดูด: ระดับสูง พร้อมแท่นกำจัดฝุ่นอัตโนมัติ
เหมาะกับใคร: บ้านขนาดกลาง-ใหญ่ที่ต้องการทำความสะอาดอัจฉริยะ
ข้อเสีย: ราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไป แต่คุ้มค่ากับฟีเจอร์ที่ให้มา
Dreame X30 Ultra
จุดเด่น: ระบบถูพื้นแบบน้ำร้อน 60°C พร้อมเทคโนโลยี MopExtend™ ที่ช่วยให้ถูซอกมุมได้สะอาดขึ้น
แรงดูด: 8,300Pa หนึ่งในรุ่นที่แรงที่สุดในตลาด
เหมาะกับใคร: บ้านที่ต้องการการดูดฝุ่นและถูพื้นแบบจัดเต็ม
ข้อเสีย: ต้องการพื้นที่วางแท่นชาร์จขนาดใหญ่
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่นคุ้มค่า ฟังก์ชันครบ ราคาประหยัด
ถ้าอยากได้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นดีๆ ในราคาสบายกระเป๋า นี่คือ 2 รุ่นที่แนะนำ
Xiaomi Robot Vacuum X10+
จุดเด่น: ระบบ AI อัจฉริยะช่วยจดจำแผนที่บ้านได้แม่นยำขึ้น
แรงดูด: 4,000Pa พร้อมถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่
เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการฟีเจอร์ดีๆ แต่ไม่อยากจ่ายแพง
ข้อเสีย: ไม่มีเซ็นเซอร์หลบสิ่งกีดขวางอัจฉริยะแบบรุ่นไฮเอนด์
Mister Robot HYBRID WIFI
จุดเด่นของ โรบอทดูดฝุ่น รุ่นนี้: ราคาย่อมเยา ควบคุมผ่านแอปได้ มีฟังก์ชันถูพื้น
แรงดูด: 2,500Pa กำลังดีสำหรับบ้านทั่วไป
เหมาะกับใคร: คนที่อยากลองใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องแรก
ข้อเสีย: ไม่มีระบบแยกแยะพรมกับพื้นแข็ง ต้องตั้งค่าด้วยตัวเอง
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่นสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง
ใครที่มีหมา แมว หรือสัตว์เลี้ยงที่ขนร่วงเยอะ รุ่นพวกนี้ตอบโจทย์แน่นอน
ECOVACS DEEBOT OZMO T8 AIVI
จุดเด่น: ระบบ AI ที่แยกแยะสิ่งกีดขวางและเส้นขนสัตว์ได้
แรงดูด: 5,000Pa พร้อมระบบกรองฝุ่น HEPA ลดสารก่อภูมิแพ้
เหมาะกับใคร: บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงเยอะและต้องการทำความสะอาดทุกวัน
ข้อเสีย: ต้องล้างแปรงเก็บขนสัตว์บ่อย
Roborock S8 Pro Ultra
จุดเด่นของ เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ รุ่นนี้ : ระบบขัดถูพื้นในตัว และแรงดูดสูงสุดถึง 6,000Pa
แรงดูด: ทรงพลัง เหมาะกับพรมและพื้นแข็ง
เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่จัดการขนสัตว์ได้แบบไม่ต้องลุ้น
ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูง แต่ฟังก์ชันคุ้มค่า
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นแบตเตอรี่ทนทาน ใช้งานได้นาน
ใครมีบ้านหลังใหญ่ หรือไม่อยากให้หุ่นยนต์วิ่งไปชาร์จบ่อย รุ่นเหล่านี้คือคำตอบ
Dreame L10s Pro Ultra Heat
จุดเด่น: แบตเตอรี่ใหญ่ ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 200 นาที
แรงดูด: 5,300Pa พร้อมถูพื้นแบบน้ำร้อน
เหมาะกับใคร: บ้านขนาดใหญ่ที่ต้องการทำความสะอาดต่อเนื่อง
ข้อเสีย: ราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไป
Tefal X-PLORER SERIE 60
จุดเด่น: บางเฉียบ แต่แบตอึด ใช้ได้นานกว่า 180 นาที
แรงดูด: 2,500Pa กำลังดีสำหรับบ้านทั่วไป
เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแบตทนและไม่ต้องคอยชาร์จบ่อย
ข้อเสีย: ไม่มีระบบ AI Mapping ที่แม่นยำเท่ารุ่นไฮเอนด์
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นสำหรับคอนโดหรือห้องขนาดเล็ก
ห้องเล็กไม่ต้องใช้รุ่นแพงๆ รุ่นเล็กแต่แรงพวกนี้เหมาะกว่า
AUTOBOT MINI Lite White
จุดเด่น: ขนาดเล็กกะทัดรัด วิ่งได้ทุกซอกทุกมุม
แรงดูด: 2,000Pa กำลังดีสำหรับห้องเล็ก
เหมาะกับใคร: คนที่อยู่คอนโดหรือห้องพักที่พื้นที่ไม่เยอะ
ข้อเสีย: ไม่มีแท่นเก็บฝุ่นอัตโนมัติ
SAMSUNG VR05R5050WK/ST
จุดเด่นของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Samsung รุ่นนี้มี: ขนาดบางเพียง 8.5 ซม. วิ่งลอดใต้เตียงได้ง่าย
แรงดูด: 2,500Pa พร้อมเซ็นเซอร์กันตก
เหมาะกับใคร: คนที่อยู่หอพักหรือคอนโดที่มีเฟอร์นิเจอร์เยอะ
ข้อเสีย: ไม่มีระบบ Mapping อัจฉริะแบบรุ่นใหญ่
สรุป หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่นไหนคุ้มค่าที่สุดในปี 2025?
ถ้าถามว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ รุ่นไหนคุ้มค่าที่สุดในปี 2025 ต้องบอกว่ามันขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบ้าน ถ้าอยากได้รุ่นพรีเมียมที่ฉลาดสุดๆ และแทบไม่ต้องดูแลเอง iRobot Roomba Combo j7+ กับ Dreame X30 Ultra คือสองตัวที่น่าสนใจ เพราะมี AI อัจฉริยะและฟังก์ชันถูพื้นแบบจัดเต็ม
แต่ถ้าต้องการรุ่นที่ให้ฟีเจอร์ครบในราคาคุ้มค่า Xiaomi Robot Vacuum X10+ เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ส่วนบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงต้องจัด Roborock S8 Pro Ultra เพราะมันออกแบบมาเพื่อจัดการขนสัตว์โดยเฉพาะ
ถ้าเน้นแบตอึด ใช้งานได้นานแบบไม่ต้องชาร์จบ่อย Dreame L10s Pro Ultra Heat ก็ตอบโจทย์ และถ้าอยู่คอนโดหรือห้องขนาดเล็ก AUTOBOT MINI Lite White เป็นรุ่นที่เหมาะที่สุด สุดท้ายแล้ว การเลือก หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่คุ้มค่าขึ้นอยู่กับขนาดบ้าน ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณของคุณ ถ้ารู้ว่าต้องการอะไร เลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ได้ก็จะคุ้มสุดแบบไม่ต้องจ่ายแพงเกินความจำเป็น